เหมืองปิล็อก – บ้านอีต่อง ทองผาภูมิ ธรรมชาติแห่งประวัติศาสตร์ วิถีชุมชนที่ชวนหลงใหล
เหมืองปิล็อก – บ้านอีต่อง ทองผาภูมิ
ธรรมชาติแห่งประวัติศาสตร์ วิถีชุมชนที่ชวนหลงใหล
เที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีครั้งนี้ เรามาถึงเป้าหมายหลัก (ที่ผมสนใจ) “เหมืองปิล็อก” ณ บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ คือ ในอดีตเคยเป็นเหมืองแร่ที่มีทั้งแร่วุลแฟรม แร่ดีบุก และทังสเตน จนมีชาวบ้านทั้งพม่า มอญ กระเหรี่ยง และคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า มาขุดแร่ และนำไปขายให้กับทหารอังกฤษในยุคก่อนสงคราม และมีการช่วงชิงการขุดหาสินแร่ มีคนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จนเป็นที่กล่าวขานถึงเรื่องราวอาถรรพ์ เมื่อผู้คนล้มตายและเริ่มล้างผู้คนในที่สุด จึงเรียกกันว่า “เหมืองผีหลอก” และได้เพี้ยนมาเป็น “เหมืองปิล็อก” ในปัจจุบัน
“เหมืองปิล็อก” เข้าใจว่าเป็นภาษาที่คนท้องถิ่นออกเสียงเพี้ยนไปเอง ต่อมาปี พ.ศ. 2481 ทางราชการไทยมาสำรวจแหล่งแร่ที่ปิล็อก และได้เปิดทำเหมืองเป็นทางการอีก เมื่อปี พ.ศ. 2484 จึงมีคนหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง และมาเป็นคนงานในเหมือง มาขุดหาแร่เองบ้าง จนมีเงินร่ำรวยติดออกไป และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า “ณัตเอ็งต่อง” แปลว่า บ้านเทพเจ้า ต่อมาคนท้องถิ่นเรียกเพี้ยนไปอีกจนเป็น “บ้านอีต่อง” ถึงทุกวันนี้
ต่อมาปี พ.ศ. 2528 ได้เกิดวิกฤตราคาแร่ตกต่ำ ผู้คนไม่ทำเหมืองกันแล้ว ปล่อยให้เหมืองถูกทิ้งร้างไป แต่ด้วยความที่เป็นชุมชน เมื่อตอนตื่นแร่ จึงทำให้บ้านอีต่อง เป็นชุมชนขนาดใหญ่ และยังมีผู้คนอาศัยอยู่ทั้งทำไร่ ทำนา และค้าขายด้วยการเก็บของป่าขาย จนถึงกระแสท่องเที่ยวบูมขึ้น บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จึงเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยว เนื่องจากอยู่ในหุบเขา และรายล้อมด้วยป่าเขา พื้นที่สูง 600-800 เมตรจากระดับน้ำทะเล บ้านอีต่องจึงมีอากาศเย็นสบายและอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเดินทางไปเที่ยวอาบลมห่มหนาว ณ บ้านอีต่องแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ในยามค่ำคืน บริเวณรอบ ๆหมู่บ้านอีต่องแห่งนี้ ช่วงวันหยุดเทศกาล หรือศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทางหมู่บ้านจะเปิดไฟเหลืองอร่ามดูสวยงามสะท้อนน้ำที่อยู่ตรงข้ามบ้านพักตั้งเรียงรายจัดเป็นโฮมสเตย์ให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาได้จับจองเป็นที่พัก ทั้งหมู่คณะและมาเป็นคู่
ถนนคนเดิน ยามค่ำคืน ในช่วงเย็นหลังโพล้เพล้ ใกล้ตะวันตกดิน ชาวบ้านอีต่อง จะนำสินค้าท้องถิ่น ทั้งอาหารการกิน ร้านกาแฟเล็ก ๆ หรือจะเป็นร้านหมูกระทะ ให้ได้มาเดินพักผ่อนชมบรรยากาศแวะนั่งชิว ๆ รับลมเย็นสบาย หรือจะเดินเลือกซื้อเครื่องแต่งกายในสไตล์ของหมู่บ้าน ถึงแม้ร้านรวงจะมีไม่มากนัก แต่ก็ได้เปิดโอกาสให้กับตัวเองที่ทิ้งเวลาอันหนักหน่วงจากการทำงานที่กรุงเทพฯ มาชาร์ตแบตเติมพลังให้ชีวิตมีความหวังสร้างแรงบันดาลใจในวันต่อไปได้อีกเยอะ (คุณเครียดไปเองรึเปล่า)
นอกจากจะได้มากินลมชมบรรยากาศวิถีชุมชนที่บ้านอีต่องกันแล้ว ด้านบนยังมีจุดชมวิว “เนินช้างศึก” ที่มองได้รอบเขาชนิด 360 องศาเลยทีเดียว บนเนินแห่งนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของบ้านอีต่อง ระดับความสูงอยู่ที่ประมาณ 870 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีกล้องมองไว้สอดส่องความมั่นคงบริเวณเขตชายแดน
เนินช้างศึก เป็นจุดจบเขตแดนประเทศไทย พ้นจากสันเนินจะเป็นดินแดนประเทศเมียร์ม่า ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของเนินช้างศึกคือ เป็นจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้นในที่เดียวกัน พร้อมกับชมทะเลหมอกในยามหนาวตอนเช้า และตอนเย็น
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สนง.กาญจนบุรี
#ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว(ช.ส.ท.)
#ขอบคุณข้อมูลเรื่องราวดีดี จากคุณทวีศักดิ์ เกษปทุม
#www.kaomaadoo.net
CHATCHAI DAENGKASEM
0830760579
ไม่มีความคิดเห็น