Header Ads

ททท. ร่วมกับ Grab Taxi จัดกิจกรรมทำความสะอาดรถแท็กซี่สาธารณะ ตามมาตรฐาน SHA เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ

ททท. ร่วมกับ Grab Taxi จัดกิจกรรมทำความสะอาดรถแท็กซี่สาธารณะ

ตามมาตรฐาน SHA เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการ

               บ่ายวันนี้ (5 พฤศจิกายน 2563) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย  รักษาราชการอธิบดีกรมอนามัย  และดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล  ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์  บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันเป็นประธานในกิจกรรมทำความสะอาดรถ

แท็กซี่สาธารณะและการบรรยายให้ความรู้ด้านสุขอนามัย เพื่อผลักดันและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการประเภทยานพาหนะ รวมทั้งผู้ขับขี่รถแท็กซี่มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA) ณ ลานจอดรถสยามนิรมิตร กรุงเทพมหานคร


               นายยุทธศักดิ์ สุภสร  ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า โครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ SHA  เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง ททท. และ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค  ในการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศมีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี  มีความสุข  และมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านสุขอนามัย

               ทั้งนี้ ททท. ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนอย่างดี  เพื่อให้สินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว  ประเภทยานพาหนะมีการดูแลและรักษามาตรฐานความสะอาดด้านสุขอนามัยอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการรถแท็กซี่  ซึ่งปัจจุบันมีผู้ขับขี่แกร็บแท็กซี่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมสมัครรับตราสัญลักษณ์ SHA แล้วกว่า 600 คัน



               นอกจากนี้ ในงานยังได้รับความร่วมมือจากกลุ่มบริษัท ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย  และบริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ด้วย  เมื่อผู้ขับขี่แท็กซี่ได้ทำตามขั้นตอนตามมาตรฐานอย่างครบถ้วน  จึงมอบตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA  ประเภทยานพาหนะ ให้แก่ผู้ขับขี่แกร็บแท็กซี่ (Grab Taxi)  จำนวน 100 คัน

               ดร. เก่งการ  เหล่าวิโรจนกุล  ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า  นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย  แกร็บ ได้ประกาศใช้มาตรการและดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของบริการการเดินทาง อาทิ การให้ความรู้และจัดกิจกรรมให้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุก สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงการเปิดตัวแคมเปญ  “แกร็บ โพรเท็ค มั่นใจไปกับแกร็บ”


               โดยได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและควบคุมมาตรฐานของพาร์ทเนอร์คนขับ  การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมด้านยานพาหนะและมอบอุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันและทำความสะอาด อย่างเจลล้างมือ และสเปรย์ทำความสะอาด ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสาร

               นอกจากนี้  แกร็บ ยังได้ร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดทำคอร์สอบรมออนไลน์สำหรับพาร์ทเนอร์คนขับในรูปแบบวิดีโอ เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ  พร้อมให้คำแนะนำในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย  สำหรับการเข้าร่วมโครงการ SHA  สำหรับครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ที่ไม่เพียงช่วยสร้างความตระหนักรู้ในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยให้กับพาร์ทเนอร์คนขับซึ่งถือเป็นด่านหน้าที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยยกระดับบริการและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วย

               นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงการเฝ้าระวังสถานการณ์โควิด-19 ผู้ประกอบการหรือผู้ขับรถแท็กซี่ ควรมีการป้องกันและสร้างสุขอนามัยที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการล้างทำความสะอาดรถทุกวันก่อนนำรถออกให้บริการ และหลังการให้บริการ โดยเน้นการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิว 5 จุดเสี่ยงที่มีผู้โดยสารสัมผัสบ่อยๆ ได้แก่ 1) ที่จับบริเวณประตู  2) ที่จับเหนือหัวผู้โดยสาร  3) เบาะนั่ง  4) ที่เท้าแขน  และ5) กระจกภายในรถ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาด และแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่ผู้โดยสารลงจากรถเพื่อทำลายเชื้อโรค


               รวมทั้งจัดเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้บริการในกรณีที่พบผู้โดยสารมีอาการไข้ ไอ จาม และไม่สวมหน้ากากอนามัย สำหรับผู้ขับรถแท็กซี่หากพบว่ามีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ หรือมีอุณหภูมิร่างกายเท่ากับหรือมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส ให้แจ้งงดเช่ารถและไปพบแพทย์ทันที  และที่สำคัญผู้ขับขี่รถแท็กซี่และผู้โดยสารต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในรถแท็กซี่ และล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หลังการใช้บริการทุกครั้ง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรควิด-19

   

               สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA  ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha และ 1672 เพื่อนร่วมทาง

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.