Header Ads

อธิบดีกรมศุลกากร ชูนโยบายประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างการรับรู้ เความเข้าใจแก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย

อธิบดีกรมศุลกากร ชูนโยบายประชาสัมพันธ์เชิงรุก

สร้างการรับรู้ เความเข้าใจแก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย

               วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน  2563  เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร เปิดแถลงข่าวประจำเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยนายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า  นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบาย

ให้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย โครงการ และประเด็นต่าง ๆ โดยคณะโฆษกกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมดำเนินการแถลงข่าวเป็นประจำทุกเดือนและสำหรับประเด็นที่น่าสนใจในการแถลงข่าวประจำเดือนพฤศจิกายน 2563 ได้แก่ (1) ผลการตรวจพบการกระทำความผิดประจำเดือนตุลาคม 2563 (2) กรมศุลกากรเร่งดำเนินการขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่มีความจำเป็นเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (3) กรมศุลกากรเปิดให้ยื่นแบบคำขอต่ออายุล่วงหน้า สำหรับตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

                1. ผลการตรวจพบการกระทำความผิดประจำเดือนตุลาคม 2563

                ตามที่ อธิบดีกรมศุลกากร มีนโยบายให้การเร่งรัดปราบปรามการลักลอบและหลีกเลี่ยงนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ปกป้องสังคมและสิ่งแวดล้อม จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดพร้อมหน่วยปฏิบัติการวางแผนตรวจค้นจับกุมอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพื่อสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น สินค้าเกษตร น้ำมัน ยาเสพติด IPRs และสินค้าละเมิดอนุสัญญา CITES

               โดยสืบสวนหาข่าวและออกลาดตระเวนด้วยรถยนต์ ตรวจค้นรถบรรทุก โกดัง แหล่งจำหน่าย สถานที่เก็บรักษาที่เชื่อได้ว่ามีของผิดกฎหมายเก็บซุกซ่อนอยู่ อีกทั้งยังมีแผนการป้องกันและปราบปรามสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มีการบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทหาร กอ.รมน. ป.ป.ส. บช.ปส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การตำรวจสากล(Interpol) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวระหว่างกัน

               สำหรับเดือนตุลาคม 2563 กรมศุลกากรตรวจพบการกระทำผิดตามกฎหมายศุลกากรหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับศุลกากร จำนวน 1,840 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 164.07 ล้านบาท  ผลงานที่น่าสนใจในช่วงเดือนตุลาคม 2563 มีดังนี้

               1.1 การจับกุมยาเสพติดให้โทษประเภทเอ็กซ์ตาซี่ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 กรมศุลกากรได้ทำการตรวจสอบพัสดุ ต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติดมาจากต่างประเทศ ผลการตรวจสอบพบ Ecstasy จำนวน 2,570 เม็ด จากนั้นหน่วย Airport Interdiction Task Force: AITF (ศุลกากร ป.ป.ส. บช.ปส. และ ศรภ.) จึงทำการขยายผล จนกระทั่งวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ได้จับกุมหญิงไทย 2 คน ที่มารับของและทราบว่าได้ถูกว่าจ้างให้เป็นผู้รับของเพื่อส่งต่อไปยังผู้สั่งของที่แท้จริง ผลการตรวจค้น พบ Ecstasy เพิ่มเติมอีก 2,880 เม็ด รวมเป็น 5,450 เม็ด มูลค่าประมาณ 5.4 ล้านบาท ทั้งนี้สถิติการตรวจยึดยาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในเดือนตุลาคม 2563

มีจำนวนคดี 19 คดี มูลค่ากว่า 71.73 ล้านบาท                 

               1.2 การจับกุมสินค้าเกษตร  เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 กรมศุลกากรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลจังหวัดสุรินทร์ ได้ตรวจค้นรถกระบะลักลอบขนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ นำเข้าจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่พบเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรแต่อย่างใด ที่บริเวณถนนโชคชัย- เดชอุดม ตำบลสังขะ อำเภอสังขะ จ.สุรินทร์ น้ำหนักกระสอบละ 25 กิโลกรัม​ จำนวน​ 160 กระสอบ น้ำหนัก​รวม 4,000 กิโลกรัม​ คิดเป็นมูลค่า 600,000 บาท

               เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2563 กรมศุลกากรได้จับกุมสินค้าประเภทกระเทียม จำนวน 15 กระสอบ และหอมใหญ่ จำนวน 20 กระสอบ น้ำหนักรวม 350 กิโลกรัม ในข้อหาลักลอบหนีศุลกากร นำของต้องห้ามต้องกำกัด หรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร โดยจับกุมได้บริเวณโกดังร้างไม่มีเลขที่ ตำบล.สุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ​ คิดเป็นมูลค่า 6,800 บาท  ทั้งนี้ สถิติการตรวจยึดสินค้าเกษตรในเดือนตุลาคม 2563 มีจำนวนคดี ทั้งสิ้น 32 คดี มูลค่ากว่า 2.52 ล้านบาท

              1.3 การจับกุมบุหรี่  เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 กรมศุลกากรทำการตรวจสอบสินค้า ในเขตปลอดอากรแห่งหนึ่ง พบบุหรี่ละเมิดเครื่องหมายการค้าจำนวน 1,040 กล่อง ถือเป็นการสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยง ข้อห้าม ข้อกำกัด อันเป็นความผิดตามมาตรา 202, 244 ประกอบมาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543 พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2559  พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 พ.ร.บ.การส่งออกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 คิดเป็นมูลค่าประมาณ  2.65 ล้านบาท  ทั้งนี้สถิติการจับกุมบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเดือนตุลาคม 2563 ได้แก่ 1. บุหรี่ จำนวน 44 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 4.03 ล้านบาท  2. บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ จำนวน 12 คดี คิดเป็นมูลค่ารวม 1.78 ล้านบาท

               2. กรมศุลกากร เร่งดำเนินการ ขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่มีความจำเป็นเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

                จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีมาอย่างต่อเนื่องและ ภาพรวมสถานการณ์ของทั่วโลก ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง คณะรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ดังกล่าว จึงมีมติเห็นชอบให้มีการขยายมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

               เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563  โดยให้กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ขยายระยะเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่มีความจำเป็นเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านยา เครื่องมือแพทย์ รวมถึงของอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยมีรายละเอียดดังนี้

               1. ให้มีการขยายเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับสินค้าหน้ากากและวัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตสินค้าดังกล่าว (ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 19 มีนาคม 2563) จากเดิมมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 19 กันยายน 2563 ให้ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

                2. ให้มีการขยายเวลามาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลงวันที่ 10 เมษายน 2563) จากเดิมมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ให้ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

                ซึ่งกรมศุลกากรจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การขยายระยะเวลาดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนโครงสร้างอัตราอากร กองพิกัดอัตราศุลกากร หมายเลขโทรศัพท์ 02-667-6481 หรือ ศูนย์บริการศุลกากร (Customs Care Center) หมายเลข 02-667-6656 หรือสายด่วน 1164

                3. กรมศุลกากรเปิดให้ยื่นแบบคำขอต่ออายุล่วงหน้า สำหรับตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ

                เนื่องจากมีตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของที่จะหมดอายุตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป พร้อม ๆ กัน เป็นจำนวนมาก เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรับบริการ  จึงขอเชิญชวนให้ตัวแทนออกของและผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการออกของ ที่จะครบกำหนดการอนุญาต ในระหว่างเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2563 - เมษายน พ.ศ. 2564  ยื่นแบบคำขอต่ออายุล่วงหน้าก่อนวันครบกำหนด ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ณ ฝ่ายทะเบียนตัวแทนออกของ ส่วนทะเบียนและสิทธิพิเศษ กองมาตรฐานพิธีการและราคาศุลกากร ชั้น  1 อาคาร 120 ปี กรมศุลกากร ทั้งนี้ ท่านสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมศุลกากร : www.customs.go.th

#kaomaadoo.net

#CHATCHAIข่าวท่องเที่ยว

083-076-0579

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.