Header Ads

โปรแกรมดี “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” เที่ยว 8 วัด นำร่องท่องเที่ยวเชิงศาสนา

โปรแกรมดี “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ”

เที่ยว 8 วัด นำร่องท่องเที่ยวเชิงศาสนา

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา เสนอกิจกรรม “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” (ท่องเที่ยว 8 วัด) ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายมู และนักชิมผลไม้ได้มาสัมผัสกลิ่นไอธรรมชาติ ณ จุดเช็คอินแห่งใหม่

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” (ท่องเที่ยว 8 วัด) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้นักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างประเทศได้สัมผัสศิลปวัฒนธรรมโบราณ วัดที่มีพระนอนหินทรายอันเก่าแก่ และโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์อีกมากมาย โดยได้ขยายเวลาการเปิดบริการให้เข้าชมภายในวัดตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 19.00 น. ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างเต็มอิ่มมากขึ้น

นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า “กิจกรรมเที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ที่ได้มีการเตรียมการและดำเนินการจัดงานอย่างมุ่งมั่น แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงศาสนาที่มีคุณค่าทางศิลปะ วัฒนธรรมและสังคมอันดีของจังหวัด และช่วยกระตุ้นให้ผู้คนในชุมชนเกิดจิตสำนึกถึงความรับผิดชอบดูแลและส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน ทำให้วัดได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เดินทางมาท่องเที่ยวตลอดทั้งปี”



สำหรับ “กิจกรรมเที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ”  (ท่องเที่ยว 8 วัด) เป็นวัดนำร่องในการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย พระพุทธไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม  วัดบึง พระอารามหลวง  วัดพระรารายณ์มหาราชวรวิหาร  วัดหมื่นไวย  วัดศาลาลอย  วัดอิสาน  วัดพายัพ  วัดป่าสาละวัน

พระพุทธไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะทวาราวดี เมื่อประมาน 1200 – 1400 ปีมาแล้ว



นอกจากนี้ เรายังได้พบธรรมจักรในที่แห่งนี้อีกด้วย ปัจจุบันได้จัดวางแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ที่ทางวัดดูแลอยู่ ธรรมจักรศิลา เป็นชนิดเดียวกันกับที่พระปฐมเจดีย์ เป็นศิลปะยุคทวารวดี มีลักษณะคล้ายล้อเกวียน ทำจากศิลาแลงขนาดใหญ่  ซึ่งมีลักษณะผสมสัตว์หลายชนิด คือ มีเขาเหมือนโค มีปากเป็นครุฑ มีปีกเหมือนหงส์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดธรรมจักรเสมาราม ภายในอาคารซึ่งอยู่ด้านซ้ายของโบสถ์ เปิดให้เข้าชมเวลา 06.00-17.00 ทุกวัน


วัดบึง สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้พระยายมราชหรือสังข์เป็นผู้สร้าง  โดยช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบผังเมือง  วัดบึงมีสมญานามว่า  วัดบึงขุนนาง  พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  หลวงพ่อโตทอง  หน้าตัก  6 ศอก เป็นวัดที่คงโครงสร้างเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยา



วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลาง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นผู้ทรงสร้างตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  จัดเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ ในสมัยก่อนมีพิธีอย่างหนึ่ง คือ พิธีที่ข้าราชการทุกแผนกจะต้องสาบานตนว่าตนจะต้องรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดี  ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต พิธีนี้เรียกว่า พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา  ทางราชการได้ใช้วัดพระนารายณ์มหาราชเป็นสถานที่ในการประกอบพิธี  รวมทั้งให้เป็นสถานที่ทำพิธีสวดเสกน้ำพระพุทธมนต์ถวายในงานพระราชพิธีเสวยราชสมบัติ  เคยเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์บรรจุอัฐิของท่านท้าวสุรนารี ตรงมุมทิศพายัพของวัด  ต่อมา พ.ศ. 2477 จึงได้ย้ายออกจากวัดไปประดิษฐานที่ประตูชุมพล จนทุกวันนี้



วัดหมื่นไวย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา  บางส่วนผุพังไปตามกาลเวลา  ภายในมีพระประธานปางป่าเลไลย์ปูนปั้นลงรักปิดทอง  ส่วนอิฐที่ใช้ก่อสร้างฐานที่เป็นฐานโค้งสำเภาเรือ  และผนังโบสถ์เป็นอิฐก้อนใหญ่แบบเดียวกับอิฐที่ใช้ก่อสร้างกำแพงเมืองเก่าโคราชตำบลหมื่นไวย  มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย  ทางเข้าวัดเหมือนจะธรรมดา มีความเจริญตามยุคสมัยเหมือนกับวัดทั่วไปในปัจจุบัน  แต่มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่คือ  โบสถ์เก่ากลางน้ำ อายุ  300 ปี



วัดศาลาลอย  สังกัดธรรมยุต วัดตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง โดยแยกจากถนนรอบเมืองไป ประมาณ 500 เมตร เป็นวัดเก่าแก่ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าท่านท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) พร้อมด้วยเจ้าพระยามหิศราธิบดี สวามีของท่านเป็นผู้สร้าง เมื่อประมาณ พ.ศ. 2370  มีจุดเด่นอยู่ที่พระอุโบสถที่สร้างแบบศิลปะไทยประยุกต์เป็นรูปสำเภาโต้คลื่น  ใช้วัสดุพื้นเมืองอย่างกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง




               ภายในยังมีพระประธานปูนปั้นสีขาวปางห้ามสมุทรเป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนคร  โดยสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถวายพระนามว่า  “พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล  ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์”  ทั้งผนังด้านหน้าอุโบสถที่เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ  ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์  ส่วนบานประตูเป็นภาพโลหะลายนูนจากเรื่องเวชสันดร



         วัดอิสาน  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2220 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯให้โดยพระยายมราช หรือสังข์เป็นผู้สร้างร่วมกับคหบดีและประชาชน  พระอุโบสถเสาแปดเหลี่ยมมีหัวบนหัวเสาหรือเรียกว่า  เสามรรค 8 ฐานแอ่นโค้งทรงสำเภา  เป็นวัดที่ยังคงโครงสร้างเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยา จำนวน  14 เล่ม  และมี 3 เล่ม ที่มีภาพเขียนประกอบเรื่องราวทศชาติชาดก ลักษณะภาพมีความสวยงามวิจิตร  ได้สัดส่วน  

ปัจจุบัน ได้ทำการจัดแสดงอยู่ภายในพระอุโบสถ  คาดว่าจะเป็นผลงานของช่างฝีมือหลวงเป็นโบราณวัตถุที่ได้รับขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ เพราะมีคุณค่าทางศิลปะ




          วัดพายัพ จุดเด่นของวัดนี้ คือ พระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในท่าประทับยืนสง่าผ่าเผยประดิษฐานอยู่ในศาลาทรงไทยและต้นศรีมหาโพธิ์ ท่านเชิญมาจากหน่อพุทธคยา ประเทศอินเดีย และลูกนิมิตเป็นใบเสมาคู่  รอบพระอุโบสถเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์  ถ้ำหินงอกหินย้อยจะประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า  300 ปี ให้ประชาชนได้กราบไหว้และชมความงามภายในถ้ำ


          วัดป่าสาลวัน ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2475 โดยพระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (สิงห์ ขนฺตยาคโม) ศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต  ส่วนชื่อ สาลวัน  นั้น  ตั้งชื่อโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส)  ซึ่งมาจากคำว่า  “สาละ”  แปลว่า  ต้นรัง และ  “วนะ”  แปลว่า ป่า โดยตั้งชื่อตามลักษณะของวัดที่มีไม้เต็งรังเป็นจำนวนมาก  มาถึงช่วงปี พ.ศ. 2513  พระราชสังวรญาณหรือหลวงพ่อพุธฐานิโยที่เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น  ท่านให้ความสำคัญกับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นพิเศษ  เป็นช่วงที่มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศเดินทางมายังวัดป่าสาลวัน  เพื่อฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับท่านอย่างล้นหลาม เป็นที่รู้จักถึงบุคคลประชาชนทั่วไป  ได้เข้ามาฝึกฝนปฏิบัติธรรมกัน

           การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมาย  รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ชอบสายมู แนะนำให้มากราบไหว้ขอพรองค์พญานาคราช ที่คำชะโนดวังน้ำเขียว ทั้งจุดเช็คอินที่เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนครราชสีมา “จุดชมวิว เขาเขื่อนลั่น”  และเทศกาลทุเรียน GI ปากช่อง


            นางภาวนา  ประจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา กล่าวว่า “ในช่วงฤดูฝนนี้ทางจังหวัดนครราชสีมามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทะเลหมอกที่สวยงาม จุดเช็คอินแห่งใหม่ที่เก๋ไก๋ งานเทศกาลแห่เทียนพรรษาที่โคราช เทศกาลไหว้พระนอน ในกิจกรรม “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” งานเทศกาลทุเรียน GI ปากช่อง เรามีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทางศาสนา วัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงเกษตร  วิถีชุมชน เราพร้อมเปิดเมืองแล้ว ทางเราได้สนองนโยบายรัฐบาลกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้ชุมชนมีรายได้ จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านเดินทางมาท่องเที่ยวที่โคราช ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางได้ที่เพจเฟสบุ๊ค ททท.นครราชสีมา หรือโทรศัพท์ในวัน เวลาราชการได้ที่ 044-213-666 ,  044-213-030




          คำชะโนดวังน้ำเขียว แหล่งท่องเที่ยวที่สายมูไม่ควรพลาด พลังแห่งศรัทธา ไหว้ปู่ย่า ชมถ้ำพญานาค บนเรื่องราวแห่งความศรัทธา ความเชื่อเรื่องพญานาคราช ภายในประกอบด้วย องค์ปู่อนันตนาคราช  องค์ปู่ศรีสุทโธ  แม่ย่าศรีปทุม พญาอนันตนาคราชองค์ใหญ่ที่มีแสงสีรุ้งประกอบอยู่รายล้อม ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อวัตถุมงคลเป็นของฝากติดไม้ติดมือฝากคนแดนไกลให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวสร้างความประทับใจแก่ผู้รับได้เป็นอย่างดี



             เที่ยวชมเทศกาลบุฟเฟต์ทุเรียน ครั้งแรก!! ทุเรียน GI เขาใหญ่ “เนื้อนุ่ม ละมุนลิ้น กลิ่นไม่แรง” ที่ฟาร์มโชคชัย

             งานเทศกาล “ทุเรียน GI ปากช่อง เขาใหญ่”  ณ ฟาร์มโชคชัย เมื่อวันที่ 15 -16  กรกฎาคม 2565 ที่ฟาร์มโชคชัย สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ร่วมกับเครือข่ายทุเรียน GI  ปากช่อง เขาใหญ่ ร่วมกันจัดงาน บนถนนมิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มุ่งสู่เป้าหมายเพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและการเป็นเมืองเกษตรปลอดภัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมี นายชูศักดิ์  ชุนเกาะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี ราคาบัตรบุฟเฟ่ต์ทุเรียนเพียง 399 บาท



               จุดชมวิว “เขาเขื่อนลั่น” นครราชสีมา จัดเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ หากนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังภาคอีสาน อย่าลืมแวะ “จุดชมวิว เขาเขื่อนลั่น”  ตรงเรือนจำกลางคลองไผ่ จุดชมวิวที่สวยที่สุด สัมผัสธรรมชาติที่งดงาม สบายตา มีจุดถ่ายรูปที่สวยงามมาก จะเห็นวิวเบื้องหลังเป็นมอเตอร์เวย์  ทางรถไฟทางคู่ และตรงกลางเป็นอ่างเก็บน้ำละตะคอง 

อย่าลืม มาประกาศรัก ให้ลั่นเขื่อน ที่เขาเขื่อนลั่น จังหวัดนครราชสีมา

#หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน 

#IsanInLove #อีสานเขียวเที่ยวหน้าฝน 

#เที่ยวห้ามพลาดโคราชสายบุญ 

#เข้าพรรษา20จังหวัดภาคอีสาน


ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.