Header Ads

เกิดขึ้น ตั้งอยู่..ต่อไป วัดคีรีวงก์ ศูนย์เรียนรู้สมุนไพรไทย รักษาโรคได้ ไม่สูญสลาย

เกิดขึ้น ตั้งอยู่..ต่อไป

วัดคีรีวงก์ ศูนย์เรียนรู้สมุนไพรไทย รักษาโรคได้ ไม่สูญสลาย


          เรื่องราวของสมุนไพรไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่การนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่แต่อย่างใด นั่นหมายถึงสิ่งที่เรามองข้ามของดีที่มีอยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด และของดีที่ว่านี้ มันอยู่บนผืนแผ่นดินไทยทั่วทุกหัวระแหงก็ว่าได้ ซึ่งก็ยังมีคนที่พยายามสืบทอดการนำสมุนไพรไทยออกมานำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ หรือแต่ละคนแต่ละสำนัก แต่จะมีใครบ้างที่สามารถนำองค์ความรู้เรื่องสมุนไพรไทยออกมาเผยแพร่ด้วยภูมิปัญญาไทยในแบบต้นฉบับ จนก่อเกิดเป็น “ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร” ดั่งที่วัดคีรีวงก์ แห่งนี้



          วัดคีรีวงก์ จังหวัดชุมพร หรือที่ชาวบ้านรูจักกันดีว่า “วัดน้ำตก” ที่นี่ จัดเป็นวัดที่สงบ เรียบง่าย แต่ภายในอุดมไปด้วยคลังความรู้แห่งภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาด้วยองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น โดยล่าสุดผู้สืบทอดวิชายาสมุนไพรไทยเพื่อใช้รักษาสารพัดโรคด้วยภูมิปัญญาและวิชาแพทย์แผนไทยประกอบกับการประพฤติดี ปฏิบัติชอบด้วยศีลที่ดำรงไว้นำมาถ่ายทอดแก่ลูกศิษย์โดยการเปิดรับเข้าฝึกอบรมภายในศูนย์เรียนรู้สมุนไพร ภายใต้การนำของ “พระมหาขวัญชัย”




          พระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก) ได้กล่าวถึงความสำคัญของสมุนไพรไทยไว้ว่า “เป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่เราคนไทยมีสมบัติคู่บ้านคู่เมืองคือสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาที่เป็นมรดกสืบสานมาตั้งแต่บรรพบุรุษถึงลูกหลานในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีประโยชน์มากมายต่อการดูแลรักษาสุขภาพ จากของพื้นบ้าน จากแพทย์แผนไทยหรือคลีนิคต่าง ๆ ที่ใช้สมุนไพร ต้องขอชมเชยที่ได้ช่วยกันสืบสานแนะนำการใช้ยาสมุนไพรให้เกิดประโยชน์แก่ชาวบ้าน การใช้สมุนไพรมีหลักฐานตำราอ้างอิงมาอย่างมากมายที่ได้รับทราบกันมาอย่างดีจากหลายสำนัก อาตมาหวังว่าท่านทั้งหลายจะให้ความสำคัญกับสมุนไพรไทยที่อยู่ในครัวเรือน รอบรั้ว ครัวบ้าน ไปถึงในป่าดงดอย การรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์เนื่องจากสมุนไพรนั้นมีทั้งคุณและโทษ หากใช้ให้ถูกก็จะเกิดประโยชน์มากมาย หวังว่าท่านทั้งหลายจะช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันดูแล ช่วยกันสืบสานภูมิปัญญาจากต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลาน และอยู่คู่กับเมืองไทยเราตลอดไป”



          สำหรับวัดคีรีวงก์ หรือ วัดน้ำตกแห่งนี้ เป็นวัดที่ตั้งขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2512 จากการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านน้ำตก โดยได้นิมนต์ พระเจียม อติเมโธ จากวัดบรรพตวิสัย มาเป็นเจ้าอาวาสในปี 2515





          การเดินทางจากสถานีรถไฟมายังวัดคีรีวงก์ ประมาณ 6 กิโลเศษ จะเรียกว่าวัดในป่าในเขาก็ไม่ผิด เพราะทั้งป่าและเขาได้โอบล้อมวัดแห่งนี้ไว้โดยธรรมชาติ ภายในพื้นที่บริเวณวัดไม่สิ่งปลูกสร้างอะไรใหญ่โตเหมือนวัดทั่วไป มีเพียงอุโบสถหลังเล็ก ๆ ที่ภายในได้ประดิษฐานหลวงพ่อพระพุทธชินราช เป็นพระประธาน กับอาคารหลังเล็กที่สร้างไว้เพื่อเป็นที่ผลิตและเก็บตัวยาสมุนไพรแต่ละชนิดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ











          วัดคีรีวงก์ หรือวัดน้ำตก โดยพระมหาขวัญชัย อคฺคชโย เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้จัดคอร์สรับนักเรียนแพทย์แผนไทยที่สนใจความรู้เรื่องสมุนไพรไทยให้ถ่องแท้ยิ่งขึ้นพร้อมกับการเรียนการสอนเรื่องการปรุงยาสมุนไพร การให้ความรู้การใช้สมุนไพรกับผู้ป่วยในการรักษาโรคต่าง ๆ รวมถึงเข้าป่าหาพืชสมุนไพร ฝึกสมาธิเพื่อปฏิบัติจิตให้มีความสงบ การรักษาศีล และสำหรับคอร์สที่นักเรียนแพทย์แผนไทยต่างเดินทางมาจากทั่วสารทิศในครั้งนี้ เพื่อเข้ารับการอบรมการรักษา “บ่งตาต้อ” อันเป็นภูมิปัญญาของการรักษาด้วยพืชสมุนไพรไทยที่มีมาแต่โบราณ





          “บ่งตาต้อ” เป็นหลักสูตรหนึ่งในการรักษาโรคตาต้อต่าง ๆ ยกเว้น ต้อหิน ที่กินลูกตาดำแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ในระยะเวลาการเข้าคอร์สเรียน 10 วัน จะอยู่ในดุลพินิจของพระอาจารย์ขวัญชัยที่ได้จัดสรรช่วงเวลาในการเรียน และภาคปฏิบัติอย่างถูกวิธี ด้วยกลยุทธ์ของท่านเพื่อเป็นการทดสอบวิชาความรู้พื้นฐาน อาจให้เรียนเรื่องสมุนไพรบ้างเป็นการทบทวนความรู้ของแต่ละท่าน จากนั้นจะลงลึกไปเรื่อย ๆ ถึงการฝึกเขี่ยเส้นต้อ การปรุงยาแต่ละชนิด การลงอักขระด้วยวิชาทางพุทธคุณลงบนกระทะพร้อมตัวยา ก่อนการเคี่ยวผสมด้วยน้ำผึ้งของแท้ จนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้ลงภาคสนามด้วยการพาเดินเข้าป่าหาพืชสมุนไพรด้วยตัวเอง โดยการนำของพระอาจารย์ขวัญชัยคอยกำกับอย่างใกล้ชิด การเลือกต้นคัดเค้าที่มีคุณสมบัติถูกต้องที่สุดโดยดูจากหนามที่มียอดปลายเรียววแหลม เพื่อจะนำมาใช้เขี่ยเส้นต้อให้มีประสิทธิภาพ





          การอบรมหลักสูตร “บ่งตาต้อ” จะรวมถึงการเรียนทำยาหยอดตา ยาพอกตา พอกเข่า ทั้งหมดนี้เป็นแนวของเส้นตาต้อทั้งหมด สุดท้ายต้องเรียนรู้เรื่องการเขี่ยเส้นตาต้อที่หลัง (หลังของคนเรานี่แหละ) เขี่ยด้วยหนามต้นคัดเค้าที่มีปลายยอดแหลมมาก เรียนรู้วิธีการเขี่ยอยากไรให้เกิดผลถูกเส้น และเบาที่สุด





          สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเรียน หรือเข้าคอร์สอบรมที่ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร วัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก) แห่งนี้ ทุกท่านต้องผ่านการอบรมการเรียนแพทย์แผนไทยมาก่อน อย่างน้อยต้องมีประกาศนียบัตรใบประกอบวิชาชีพมาแล้ว 1 ใบ จะเป็นสาขาใดก็ได้จึงสามารถเข้ารับการอบรมหรือเข้าคอร์สที่วัดนี้ได้ พระอาจารย์บอกว่า อย่างน้อยทุกคนต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่องสมุนไพรไทยมาบ้าง และพร้อมจะเรียนรู้ไปด้วยกันได้ จะสถาบันแห่งใด จังหวัดใดก็ได้





          ประโยชน์ของผู้เข้ารับการเรียน เข้าคอร์สฝึกอบรม ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวว่า “มีประโยชน์มาก” ได้เรียนรู้เรื่องสมุนไพร รู้จักต้นคัดเค้าเป็นอย่างไร การฝึกสมาธิให้จิตสงบ ช่วยให้มือเบาและมีสติทุกครั้งในการรักษาอาการ โดยเฉพาะการเขี่ยเส้นต้อที่แผ่นหลัง เขี่ยอย่างไรไม่ให้ผู้ป่วยเจ็บ










          หลักสูตรการเขี่ยตาต้อด้วย “หนามคัดเค้า” ผู้สมัครเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการเขี่ยตาต้อด้วย “หนามคัดเค้า” มาจากทั่วสารทิศโดยการสมัครผ่านเพจของวัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก) โดยสแกนคิวอาร์โค๊ด และกรอกใบสมัคร ที่ผ่านมามีเข้ารับการฝึกอบรมมาแล้วถึง 3 รุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 ทุกท่านที่มาเข้ารับการฝึกอบรมจะไม่เสียค่าสมัครใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ ค่าชีทข้อมูลความรู้เพื่อนำกลับไปเป็นคู่มือในการศึกษาสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น และค่าอาหาร ส่วนที่พักทุกท่านจะต้องนำเต็นท์มาเอง โดยทางวัดจะจัดสถานที่ไว้ให้ ไม่ว่าคุณจากมาจากไหน คุณต้องปรับสภาพตัวเองให้ได้ อุปกรณ์เดินป่าเพื่อการศึกษาภาคปฏิบัติเรียนรู้ต้นพืชสมุนไพรในสถานที่จริง





          นอกจากนี้ ภายในศูนย์การเรียนรู้ ยังมีบริการพอกตาด้วยสมุนไพรไทย สำหรับผู้ที่มีอาการตาพร่ามัว  อันเกิดจากการใช้ดวงตาทำงานมาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดอาการล้า ปวดตา เพราะเพ่งจอทีวี มือถือ หรือจอคอมพิวเตอร์มาเป็นเวลานาน เมื่อได้พอกตาเพียง 40 นาที จะรู้สึกถึงความสว่าง สดใสบนดวงตาของเราอย่างรู้สึกสัมผัสได้ด้วยตัวเอง เพราะตัวยาของสมุนไพรจะช่วยซึมซับขับสารพิษออกจากบริเวณดวงตา ถ้าให้ดี ควรทำติดต่อกัน 3 วัน จะเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด







          ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ที่วัดคีรีวงก์ จะเปิดอาคารเรียนและโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อรักษาอาการของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ด้วยสมุนไพรไทย และให้ความรู้เรื่องการใช้สมุนไพรไทยกับผู้ป่วยทุกคน พร้อมเปิดให้บริการชมสวนสมุนไพรไทยใกล้ตัวกว่า 300 ชนิด







สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร โทร. 089-970-2009 เจ็บป่วยคราวใด ใช้ยาสมุนไพรไทย..ก่อนไปพบแพทย์

ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่​ และแพทย์​แผน​ไทย​ที่วัดคีรี​วงก์​แห่ง​นี้​ ด้วยอัธยาศัย​และการให้บริการ​ที่​ดีแก่ผู้มาเยือน​เป็น​อย่างดี

ติดตามข่าวสาร​อื่น​ๆ​ ที่น่าสนใจ​ได้ที่​www.kaomaadoo.net

เพจ​/เฟส​บุ้ค​ www.facebook.com​/Page​ kaomaadoo

และ​ช่อง​ทาง​ยูทูบ www.youtube.com​/kaomaadoo​

CHATCHAI  083-076-0579

ขอบคุณ​ครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 เมษายน 2565 เวลา 02:08

    The Best Slots | Casino Roll
    The best slots at Casino bsjeon Roll. If worrione.com you love table games, to 바카라 사이트 play jancasino blackjack, you have to bet twice for the dealer to win. gri-go.com The dealer must

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.